วัดศิมาลัยทรงธรรม http://watsimalai.siam2web.com/

ประสบการณ์จากลูกศิษย์

เมื่อข้าพเจ้าได้สัมผัสกับหลวงปู่โต วัดศิมาลัยทรงธรรม

ข้าพเจ้าเป็นอีกผู้หนึ่งที่เคารพศรัทธาเลื่อมใสใน หลวงปู่โต แห่ง วัดศิมาลัยทรงธรรม จึงขออนุญาตเล่าถึงประสบการณ์ในการได้พบกับหลวงปู่ซึ่งเป็นปฏิปทาอีกด้านหนึ่งที่จะทำให้รู้จักหลวงปู่มากขึ้น เมื่อข้าพเจ้าพบกับหลวงปู่นั้นเป็นกลางเดือนธันวาคม 2550 ที่เมืองทองธานี แจ้งวัฒนะ จังหวัดนนทบุรี ในช่วงนั้นมีการจัดการ เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว อันเป็นมหามงคลยิ่ง คือ การอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุและพระธาตุของพระอรหันตสาวกนับเป็นพันองค์มาให้พุทธศาสนิกชนได้สักการะบูชากราบไหว้ และปฏิบัติบูชาถวายเป็นระชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเป็นเวลา 9 วัน และต่อมาได้เพิ่มอีก 3 วัน เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่ สมเด็จพระพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนากรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ซึ่งจัดโดย อาจารย์วรธนัท อัศกุจโกวิท

ในงานได้มีการกล่าวถึงอานิสงส์แห่งการสักการะนมัสการพระบรมสารีริกธาตุไว้ในแต่ละครั้ง ถ้าสูงสุด 9 ครั้ง ท่านว่าเป็นปิยะสิทธิและสรรพสิทธิตลอดไป สักการะ 5 ครั้งท่านว่าได้ดั่งใจปรารถนา วันแรกที่ข้าพเจ้าไปไหว้งานได้ผ่านไปแล้ว 3 วัน เจออาจารย์วรธนัท ท่านบอกว่าไหว้ไม่ครบ 9 ครั้ง (9 วัน) ก็ไม่เป็นไรขอให้พยายามไหว้ให้มากที่สุดเพื่อเป็นความเป็นสิริมงคลแก่ตน และเป็นโอกาสสร้างบุญกุศลที่หาได้ยาก ข้าพเจ้าจึงไปกราบไหว้ทุกวันได้ 6 วัน และทุกวันก็จะไปไหว้อาจารย์วรธนัท ที่ท่านได้เมตตาแนะนำข้าพเจ้า และพรที่ข้าพเจ้าขอทุกวัน คือปีนี้จอให้ข้าพเจ้าได้กราบพระสุปฏิบัติสักรูปเป็นครูบาอาจารย์

ในวันสุดท้ายของงานหลังจากเลิกงานแล้ว ข้าพเจ้าก็ไปกราบสักการะพระบรมสารีริกธาติโดยนำเพื่อน 2 คนไปกราบสักการะด้วย ในวันนั้นไม่พบอาจารย์วรธนัท เจ้าหน้าที่บอกว่าท่านไปเชียงใหม่และจะกลับมาประมาณ 2 - 3 ทุ่ม ข้าพเจ้ากับเพื่อนกราบไหว้พระบรมสารีริกธาตุแล้วก็กลับ แต่บังเอิญรถของเพื่อนสตาร์ทไม่ติด ต้องไปตามช่างจากร้านข้างนอกมาแก้ไข ระหว่างที่รอข้าพเจ้าจึงเดินกลับไปที่งานอีกครั้ง เพื่อจะขอไหว้พระบรมสารีริกธาตุอีกครั้ง และเพื่อว่าจะพบอาจารย์วรธนัท อัศกุจโกวิท

เมื่อข้าพเจ้าไปที่งานคนกำลังทยอยกลับ และที่หน้าอาคารด้านในตึกใกล้ทางออก ข้าพเจ้าเห็นคนกลุ่มใหญ่ยืนรายล้อมพระภิกษุหนุ่มรูปหนึ่ง บ้างก็พนมมือบ้างก็ยืนด้วยท่าทางอันเคารพ เห็นท่านใช้ผ้าตีศีรษะคนบ้างไหล่บ้าง แขนบ้าง ขาบ้าง ข้าพเจ้าจงเข้าไปไหว้ท่านด้วยเก็นบุคลิกลักษณะที่ทรงเมตตาน่าเลื่อมใส ครั้งเข้าไปท่านใช้ผ้าตีศีรษะของข้าพเจ้าพร้อมพูดว่า "แก้ปวดหัวนะลูก" ขณะนั้นข้าพเจ้าเป็นไมเกรนอยู่รู้สึกปวดเอาการ แต่หัวดื้อไมค่อยกินยา เมื่อท่านตีศีรษะข้าพเจ้าครั้งเดียวรู้สึกว่าอาการปวดศีรษะคลายตัวลงอย่างน่าอัศจรรย์

ข้าพเจ้าจึงยังไม่กลับรอดูท่านโปรดญาติโยม ทุกคนจะพูดว่าหลวงปู่ลูกปวดตรงนั้น เจ็บตรงนี้ช่วยตีให้ที ท่านก็เมตตาสงเคราะห์ญาติโยม โดยไม่มีท่าทีว่าจะเหน็ดเหนื่อยหรือสิ้นความเมตตา ข้าพเจ้าได้เข้าไปถือย่ามให้ท่านเพื่อจะได้สงเคราะห์ได้สะดวก

เมื่อท่านตีแล้วท่านจะถามว่าอาการเจ็บคลายลงไหมลูก หายเจ็บไหมลูก เป็นที่อัศจรรย์ยิ่งนักที่ทุกคนอาการดีขึ้นมาก บางคนหายขาดเลย ท่านทำการสงเคราะห์โยมถึง 3 ทุ่มจึงกลับ ข้าพเจ้าส่งท่านขึ้นรถพร้อมเรียกถามชื่อและวัดของท่าน ท่านจึงให้นามบัตรแก่ข้าพเจ้าในนั้นเขียนว่า พระอธิการฉัตรชัย อนาลโย วัดศิมาลัยทรงธรรม อำเภอปากช่อง ท่านพูดกับข้าพเจ้าว่า ดีแล้วลูกมีโอกาสสร้างบุญเล็กๆน้อยๆก็ทำไปเป็นการสั่งสมบุญ ถ้าว่างๆก็ไปไหว้ท่านที่วัดยินดีต้อนรับ ที่วัดมีถ้ำเหมาะแก่การปฏิบัติ

ช่วงวันหยุดปีใหม่ข้าพเจ้าได้ขับรถไปกราบท่านที่วัดพร้อมขอกราบท่านเป็นครูบาอาจารย์ ท่านก็เมตตารับข้าพเจ้าเป็นลูกศิษย์โดยไม่มีพิธีรีตอง ท่านก็ถามถึงการปฏิบัติของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าก็เรียนว่าก็สวดมนต์ไหว้พระเป็นหลัก ส่วนสมาธิก็นั่งบ้างไม่นั่งบ้าง แล้วแต่กำลังใจโดยปฏิบัติเอง ท่านกล่าวว่าจะแก้โรคภัยไข้เจ็บให้กับผู้คนก็ไม่มีอะไรยาก ถ้าเรารู้และมีกำลัง เพราะสิ่งใดๆที่เกิดย่อมเป็นไปตามเหตุปัจจัยที่เรียกว่า กรรม

กรรมส่งผลให้เราเป็นสิ่งนั้นสิ่งนี้ เพียงแต่คนทั่วไปมักมองไม่เห็น เพราะกรรมมีความซับซ้อน หากกรรมไม่หนักจนเกินไปอาศัยพลังบุญของเรา กรรมนั้นก็เป็นอโหสิกรรมได้ ความเจ็บปวดที่เป็นอยู่ก็ทุเลาและหายได้ แต่ถ้าเป็นกรรมหนัก แต่ก็ต้องใช้เวลาบ้างต้องแผ่เมตตาบ่อยๆ ทำซ้ำๆ การรักษาคนต้องอาศัยกำลังบุญกำลังสมาธิให้มาก การแก้กรรมให้เขาเราเป็นผู้ปะทะกรรมนั้นไว้ กรรมที่หนักก็ทำให้เราเหนื่อยเพลียได้ ต้องอาศัยพลังสมาธิช่วยฟื้นฟูและหมั่นสร้างกุศล

แล้วท่านให้อารมณ์กรรมฐานว่า "พุทธะ สังมิ" ให้ข้าพเจ้าไปนั่งใต้ต้นโพธิหน้าวัด เมื่อดึกพอควรแก่เวลาแล้วก็ไปนั่งนอนภาวนาในถ้ำ ซึ่งเป็นถ้ำที่ท่านไปนั่งภาวนาคราวละแรมเดือน ท่านเล่าให้ฟังว่าได้วิชาความรู้และเห็นธรรมต่างๆจากการปฏิบัติในถ้ำแห่งนี้มากมาย ข้าพเจ้าได้ภาวนาในถ้ำคนเดียวเป็นเวลา 2 วัน เช้าวันที่ 2 ได้ลงจากถ้ำมากราบท่านที่กุฏิ ท่านก็สอบถามการภาวนาและสอนการใช้พลังในการรักษาโรคภัยไข้เจ็บของผู้คน พอดีวันนั้นมีคณะศรัทธามาจาก สำนักงานประกันสังคม ประมาณ 20 คน มาถวายสังฆทานท่านและโยมจากที่อื่นๆอีก ในกลุ่มนี้มีคนเจ็บป่วยต้องการให้ท่านรักษาอยู่ 4 คน เป็นหญิง 2 คน ชาย 2 คน ท่านบอกให้ข้าพเจ้าทำการรักษาดู ข้าพเจ้าก็งงเพราะไม่มั่นใจว่าตนจะมีพลังอะไรที่กล้าแข็งพอจะไปรักษาคนได้ แต่เมื่อครูบาอาจารย์ท่านบอก ท่านต้องมีเหตุผลของท่าน

ข้าพเจ้าจึงอธิษฐานขอพลังจากท่านทำการรักษา ผู้หญิงคนแรกปวดแขนมานานก็หาย ผู้หญิงคนที่สองปวดขาก็หาย ผู้ชายคนแรกที่ปวดเอวปวดขาก็หาย ผู้ชายคนที่ 2 ปวดหัว ปวดคอ หันคอไม่ได้สะดวกเป็นเวลาหลายเดือนก็หาย และได้รู้เหตุแห่งกรรมของแต่ละคนตามที่หลวงปู่บอก คนสุดท้ายข้าพเจ้าบอกว่าท่านคงทำกรรมประเภทฆ่าสัตว์ไว้มากจึงเกิดอาการเช่นนี้ เขาตอบข้าพเจ้าว่า เขาทุบหัวปลามาเป็นเวลาหลายปีแล้ว เขาให้สัญญากับข้าพเจ้าว่าเขาจะเลิกอาชีพดังกล่าว เพราะเขาก็พอจะพึ่งตนเองได้แล้ว ข้าพเจ้าจึงอนุโมทนาในสัจจะของเขา บอกให้เขามั่นอุทิศบุญให้กับเจ้ากรรมนายเวร ซึ่งหลวงปู่บอกข้าพเจ้าว่าวิญญาณสัตว์เล็กๆน้อยๆ เมื่อยหลายดวงเข้าก็สามารถก่อให้เกิดเป็นพลังที่ส่งผลกรรมที่หนักได้ จึงอย่าได้ประมาทในกรรมทั้งหลาย บ่ายวันนั้นข้าพเจ้าก็กราบลาหลวงปู่กลับกรุงเทพฯ หลวงปู่ได้บอกข้าพเจ้าว่า ถ้ามีโอกาสสงเคราะห์คนก็ทำไปเรื่อยๆ จะได้เพิ่มบารมีให้กล้าแข็งและให้หมั่นภาวนา หากมีเวลาก็มาบำเพ็ญที่ถ้ำ ไม่ว่าหลวงปู่จะอยู่หรือไม่อยู่ก็ให้ขึ้นไปบำเพ็ยได้ ให้ถือเสมือนเป็นบ้านของตนเอง นับเป็นความเมตตากรุณาของหลวงปู่อย่างสูงยิ่ง

ขณะขับรถกลับกรุงเทพฯ ข้าพเจ้าก็ครุ่นคิดว่า การที่เราสามารถรักษาอาการเจ็บป่วยของคนทั้ง 4 ในช่วงเช้า เราทำได้จริงหรือ? หรือว่าเป็นเพราะพลังบารมีของหลวงปู่ที่อธิษฐานจิตมายังตัวเรา จนกระทั่งวันที่ 16-18 มกราคม 2551 ข้าพเจ้าได้ปฏิบัติธรรมที่ สำนักสงฆ์ป่ามะม่วง จังหวัดพิจิตรได้เห็นน้าผู้หญิงคนหนึ่งนำกับข้าวมาถวายพระ และยกสิ่งของต่างๆให้พระ และยกสิ่งของต่างๆให้พระ มีอาการเดินแบบขาเจ็บ สอบถามได้ความว่าไม่รู้เป็นอะไร ปวดมา 2 วันแล้ว ทานยาก็ไม่หาย กลางคืนก็ปวดมากนอนไม่ได้เลย จึงได้ทำการรักษาให้ก็หาย คุณน้าที่หายปวดขา ได้กรุณาดูแลอาหารการกินอยู่ของข้าพเจ้าในช่วงการปฏิบัติธรรม และมีผู้ขอโอกาสให้ข้าพเจ้าได้ช่วยรักษาผู้หญิงคนหนึ่งที่แขนข้างขวายกไม่ขึ้น เป็นกึ่งอัมพาตมาเป็นเวลาหลายเดือนแล้ว แต่ก็น่าอนุโมทนา แม้จะมีเวทนาจากแขนข้างหนึ่ง เมื่อรู้ว่าสำนักสงฆ์แห่งนี้มีการปฏิบัติธรรมก็มาร่วมปกิบัติ ข้าพเจ้าจึงรักษาให้ก็หาย

ข้าพเจ้าได้ไปกราบหลวงปู่ที่วัด เรียนให้ท่านทราบถึงการรักษาคนเจ็บที่ข้าพเจ้าได้ทำการรักษาไป หลวงปู่ได้เมตตาแนะนำสั่งสอนเพิ่มเติม ท่านสอนว่า หากเรามีจิตดี คิดี ทำดี อธิษฐานในสิ่งที่ดี ครูบาอาจารย์ทวยเทพเทวา และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายย่อมอวยพร หมั่นสร้างกุศลหมั่นภาวนาไว้นะลูก

ความเมตตาที่หลวงปู่มีต่อข้าพเจ้ายากที่จะบรรยาย หลวงปู่เป็นผู้ให้จริงๆ ดุจพ่อให้ลูกแม้หลวงปู่จะเรียกข้าพเจ้าว่าท่านทุกคำ อันเป็นการให้เกียรติแก่ข้าพเจ้า (หลวงปู่อายุน้อยกว่าข้าพเจ้า) แต่เวลาท่านบอกสอน ท่านจะเรียกข้าพเจ้าเหมือนกับทุกๆคนคือ "ลูก" ฟังแล้วรู้สึกอบอุ่น และปลอดภัย ด้วยน้ำเสียงและแววตาอันเปี่ยมด้วยความเมตตากรุณาของท่าน ผู้มีโอกาสได้กราบท่านย่อมรู้สึกได้ ท่านมีความเมตตาต่อผู้กราบไหว้เสมอเหมือนกันหมด

ในความเป็นผู้มีบุญญาบารมีในการสงเคราะห์คนให้ทุเลา และหายจากโรคภัยไข้เจ็บของหลวงปู่นั้นข้าพเจ้าไม่มีความสงสัย ได้มีโอกาสไปรับใช้ท่านในคราวที่ท่านได้รับนิมนต์ไปนั่งปรกที่ วัดถ้ำดาวเขาแก้ว จังหวัดสระบุรี เมื่อเดือนมีนาคม 2551 หลังจากเสร็จพิธีท่านประพรมน้ำพระพุทธมนต์โปรดญาติโยม โดยข้าพเจ้าเป็นผู้ถือบาตรน้ำมนต์ ท่านไม่มีสีหน้าแววตาที่เหน็ดเหนื่อยเลย ในการที่ญาติโยมขอให้ท่านเคาะตามร่างกายทุกคนล้วนทุเลาจากทุกขเวทนา จากสังขารที่เป็นอยู่และหายขาดก็มีมาก มีแม่ชีรูปหนึ่งต้องเอาขาพาดเก้าอี้เดินไม่ได้ ด้วยความเมตตาท่านจึงเคาะให้ (ด้วยที่ประพรมน้ำมนต์) แม่ชีก็ลุกขึ้นเดินได้ช่างน่าอัศจรรย์ยิ่งนัก มีโยมคนหนึ่งขอให้ท่านเดินไปที่รถเพื่อประพรมน้ำมนต์ให้กับรถปิกอัพป้ายแดงที่ออกมาใหม่ ท่านก็สงเคราะห์ให้พร้อมเจิมรถให้เลย โดยไม่มีพิธีรีตองอะไรทั้งสิ้น

หลวงปู่สงเคราะห์ญาติโยมโดยไม่มีค่าตอบแทนใดๆ ไม่มีเรื่องเงินทองมาเกี่ยวข้อง ท่านก็ไม่เรียกร้องอะไร ไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ พระและลูกประคำของหลวงปู่ท่านก็แจกฟรีไม่ว่าจะอยู่ในวัดหรือนอกวัด หลวงปู่คือพรสงฆ์ที่เนพระผู้ให้จริงๆ หลวงปู่บอกว่าให้ลูกประคำเพื่อให้เขานำไปใช้ภาวนา ให้พระเพื่อเป็นพุทธานุสติจะได้ทำความดี เวลาที่ข้าพเจ้าบอกหลวงปู่ว่าจะไปกราบครูบาอาจารย์องค์นี้ หรือหลวงพ่อองค์นั้นท่านจะบอกว่าครูบาอาจารย์รูปนั้น หลวงพ่อรูปนี้มีปฏิปทาเก่งด้านนี้ด้านนั้นไปกราบเถอะ ลูกจะได้ศึกษาข้อดีของท่านแต่ละท่าน แต่ละรูป แต่ละองค์ก็จะมีความดีความถนัดต่างกัน ซึ่งแสดงให้เห็นถึงจิตอันเปี่ยมด้วยมุทิตาของท่าน ท่านหมดสิ้นความถือตัวถือตน มีแต่จิตที่ยินดีกับความดีความสำเร็จของผู้อื่น หากท่านอยากจะกราบพระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบตามพระธรรมคำสั่งสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้วข้าพเจ้าเชื่อมั่นว่า หลวงปู่โต แห่ง วัดศิมาลัยทรงธรรม คือพระสงฆ์อีกรูปหนึ่งที่เป็นเนื้อนาบุญอันประเสริฐที่หาได้ยาก

ข้าพเจ้าขออภัยท่านผู้อ่านที่มิได้บอกนาม เพราะการปฏิบัติและบุญบารมีของข้าพเจ้าหากเปรียบเทียบกับหลวงปู่โต ผู้เปรียบประดุจประทีปส่องแสงดวงใหญ่แล้ว ข้าพเจ้าเป็นเพียงแสงหิ่งห้อยที่มีแสงอันน้อยนิด ชื่อเสียงเรียงนามจึงไม่มีความสำคัญใดๆ จึงขออนุญาตไม่เอ่ยนาม ความจริงที่เขียนมาข้างต้นขอยกไว้บูชาหลวงปู่ด้วยความเคารพอย่างสูงยิ่ง

โดยลูกศิษย์หลวงปู่โตคนหนึ่ง


หลวงปู่...ผู้เป็นครูบาอาจารย์

เป็นระยะเวลาเกือบ 1 ปี ที่ข้าพเจ้าได้มีโอกาสสัมผัสพระสุปฏิปันโนท่าน เวลาผ่านไปเร็วมากและเหมือนกับว่าข้าพเจ้ากับท่านเคยรู้จักกันมานานแสนนาน

เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2550 ข้าพเจ้าและครอบครัวได้เดินทางไปกราบ หลวงปู่ครูบาศรีเทพ ที่วัดมหาดไทย จังหวัดอ่างทอง เพื่อขอพรเนื่องในวันเกิดของข้าพเจ้าในวันที่ 9 พฤษภาคม 2550 ที่กำลังจะมาถึง ซึ่งในโอกาสครบรอบอายุ 36 ปีนี้ ข้าพเจ้าได้เลือกของขวัญให้ตัวเองโดยการไปบวชชีพราหมณ์ เป็นเวลา 3 วัน ตั้งแต่วันที่ 8-10 พฤษภาคม 2550 ณ วัดป่าสำราญนิวาศ จังหวัดลำปาง

ซึ่งข้าพเจ้าได้พบหลวงปู่โตครั้งแรกที่นั่น ขณะที่ท่านให้ข้าพเจ้าและครอบครัวนั่งสมาธิ เราได้รับพลังจากท่าน และรู้สึกได้ว่าหลวงปู่โตเป็นอีกองค์หนึ่งที่เป็นครูบาอาจารย์ของเรา โดยได้ทราบคร่าวๆ ว่าวัดของท่านอยู่ที่เขาใหญ่เท่านั้น

วันหนึ่งข้าพเจ้าและครอบครัวจะต้องเดินทางไปเรื่องที่ดินที่จะถวายหลวงปู่ครูบาศรีเทพ เพื่อสร้าง สวนปฏิบัติธรรมพุทธบารมีศรีสุทโธ ที่จังหวัด ขอนแก่น เมื่อผ่านเขาใหญ่ เราตัดสินใจที่จะตามหาท่าน ถึงแม้ว่าเราจะไม่รู้จักชื่อวัดของท่านก็ตาม เริ่มต้นจากวัดแรกตั้งแต่ทางเข้าเขาใหญ่จนสุดที่วัดของหลวงตามหาบัว ทั้งๆที่ วัดศิมาลัยทรงธรรม อยู่แค่ กม. 9 แต่เราก็ไม่ได้พบท่าน โอกาสของเรายังมาไม่ถึง

ข้าพเจ้าได้พบท่านอีกครั้งในพิธีบวงสรวง สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ของหลวงปู่ครูบาศรีเทพ จึงได้พาครอบครัวไปกราบนมัสการท่านที่วัด

ในครั้งนี้เราได้มีโอกาสทำสมาธิกับท่านหลายวันที่ วัดศรีษะเกษ จังหวัดหนองคาย เนื่องจากท่านให้เราได้ช่วยเตรียมงานของหลวงปู่ครูบาศรีเทพที่จะจัดขึ้น ณ บริเวณกลางแม่น้ำโขง และเราก้ได้พบว่าทุกๆงานที่เราไปติดต่อผ่านไปอย่างสะดวกด้วย "พุทธะ สังมิ" ที่ท่านได้ให้เราภาวนาไว้

ข้าพเจ้าเกิดปีกุน ปี 2550 นี้เป็นปีที่แย่ที่สุดในชีวิตทั้งๆที่ข้าพเจ้าได้ถวายที่สร้างสวนปฏิบัติธรรมและเดินสายบุญตลอด จนรู้สึกท้อแท้เหนื่อยอย่างที่ไม่เคยเหนื่อยมาก่อน ทุกๆเรื่องพากันผ่านเข้ามาในชีวิตอย่างที่ไม่ทันให้ตั้งตัว เมื่อปรึกษา หลวงปู่โต หลวงปู่บอกว่าอย่าเอาชีวิตไปผูกไว้กับราศี ให้มุ่งมั่นทำความดี และทำสมาธิ ทำจิตให้นิ่งอยู่กับตัวเอง พักแล้วรีบลุกขึ้นทำความดีต่อ แล้วทุกสิ่งทุกอย่างก็จะผ่านไป และแทบจะทุกครั้งที่มีปัญหาราวกับว่าหลวงปู่จะมีโทรจิตรับรู้ และโทรศัพท์มาหาข้าพเจ้า พลังของท่านส่งมาถึงข้าพเจ้าในทุกๆ ที่ที่กำลังเผชิญอยู่

ข้าพเจ้ารู้สึกแปลกใจกับทุกสิ่งที่ได้รับจากหลวงปู่ จนกระทั่งคำตอบได้ถูกเฉลยว่า หลวงปู่โตเกิด วันที่ 9 พฤษภาคม 2514  ซึ่งตรงกับ วันวิสาชบูชา ซึ่ง 36 ปีที่ผ่านมาข้าพเจ้าภูมิใจที่ได้เกิดวันวิสาขบูชา และดีใจเป็นอย่างยิ่งที่ได้ทราบข่าวว่าท่านกับข้าพเจ้าเกิดในวันเดือนปีเกิดเดียวกันทั้งที่หลวงปู่ทราบมาตลอด แต่ท่านก็ไม่เคยบอกข้าพเจ้าเลย

ปฏิปทาของหลวงปู่ที่ข้าพเจ้าและครอบครัวได้รับบุญและทาน รวมทั้งการเดินทางกราบไหว้ครูบาอาจารย์ และการบรรจุพระทั่วประเทศที่ท่านพาข้าพเจ้าและครอบครัวไป มีมากมายเกินกว่าที่จะสามารถบรรยายในระยะเวลาและเนื้อที่หน้ากระดาษที่จำกัดครั้งนี้ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะมีโอกาสได้บอกเล่าในทุกๆ รายละเอียดให้ทุกท่านได้ทราบอย่างครบถ้วนโดยเร็ว

อย่างไรก็ตาม วันนี้ 18 มีนาคม 2551 ปีกุนกำลังจะผ่านไป เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา ขันติ วิริยะบารมีต่างๆ ที่หลวงปู่พร่ำสอนทำให้จิตข้าพเจ้านิ่งขึ้น ชีวิตเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีอย่างเห็นได้ชัด ข้าพเจ้าและครอบครัวขอกราบนมัสการหลวงปู่โต ผู้เป็นครูบาอาจารย์ทั้งในอดีต ปัจจุบัน และอนาคต และขอปวารณาตัวเป็นศิษย์รับใช้ท่านตลอดไป

โดยพ.ต.หญิง วันวิสาข์ พลเวียง


แรงศรัทธา

ก่อนอื่นดิฉันจะกล่าวถึงความศรัทธาที่มีต่อสงฆ์สาวกพระพุทธองค์ ดิฉันขอถวายเป็นพุทธบูชา ธรรมะบูชา สังฆะบูชา

มีอยู่วันหนึ่งดิฉันได้มีโอกาสไปงานบุญที่สวนปฏิบัติธรรมแห่งหนึ่ง ดิฉันได้เป็น ปู่โต เป็นครั้งแรก ท่านมีความเมตตามาก ท่านให้ธรรมะกับลูกศิษย์ตลอด สิ่งที่ทำให้ดิฉันศรัทธา คือ สถานที่นั้นห้ามให้ผู้หญิงเข้าไปร่วมในพิธี แต่ในช่วงเวลาที่ทุกคนมุ่งเข้าพิธี มีพระภิกษุรูปหนึ่งเดินเลี่ยงมาที่กลุ่มพวกเราด้วยท่าทีอ่อนโยนสายตามีเมตตา ถือพัดที่มีด้ามยาว ส่งให้ญาติโยมใส่ปัจจัยร่วมบุญทุกคน ซึ่งขณะนั้นเป็นเวลากลางวันที่มีแดดร้อนมากๆ ซึ่งดิฉันได้เห็นภาพนั้นแล้ว จึงเริ่มมีความรู้สึกว่า ท่านเป็นพระที่น่าติดตาม และนี่เป็นครั้งแรกที่ดิฉันมีความคิดที่จะติดตามท่าน เพราะตลอดเวลาดิฉันเดินสายทำบุญมาตลอดนานเป็นเวลา 20 กว่าปีแล้ว เจอพระมาก็มากแต่ไม่เหมือนท่าน และมีอยู่วันหนึ่งเพื่อนได้ชวนดิฉันไปงานปลุกเสกพระ ณ สถานที่แห่งหนึ่ง ดิฉันได้เจอปู่โตอีกครั้งซึ่งเป็นครั้งที่สองที่ได้เจอ ปู่ได้บอกว่า "วันที่ 18 ต.ค. 2550 เป็นวันทอดกฐินของวัดเรานะลูก ไปร่วมกันนะลูก" ซึ่งดิฉันก็ตอบตัวเองไม่ได้เหมือนกันว่าทำไมถึงอยากไป ถึงได้ชวนเพื่อนและลูกๆไปก่อนหนึ่งวัน คืนวันที่ 17 ต.ค. ที่วัดมีการปฏิบัติธรรม ซึ่งปู่เป็นผู้สอบอารมณ์ ปู่มีเมตตา ท่านคุมผู้นั่งสมาธิและคอยให้คำแนะนำตลอดเวลา ใครมีปัญหาให้ถามได้ทุกคน ซึ่งในกลุ่มนั้นมีลูกสาวของดิฉันที่ป่วยทางจิตอยู่ด้วย ท่านก็เมตตาคุมจิตให้ตลอด และแนะนำการปฏิบัติให้ตลอด แต่น่าเสียดายที่สถานที่เล็กไปหน่อย ซึ่งจากเหตุการณ์ที่ดิฉันได้เห็นและได้มีโอกาสกราบท่านตลอดเวลาท่านจะให้ธรรมะตลอด ในระหว่างการสนทนาทุกครั้งให้ข้อคิดในธรรมะทุกขณะ ท่านสอนการภาวนาให้นั่งสมาธิซึ่งในบางเรื่องที่ดิฉันสงสัยในข้อธรรม ท่านจะชี้แนะให้สิ่งดีๆในทางธรรมคำสอน และวัตรปฏิบัติอันงดงาม ความบริสุทธิ์ ความมีเมตตาธรรมอันสูงของท่าน ทำให้ดิฉันมีแรงศรัทธาอันแรงกล้าในตัวท่าน จุดประกายให้ดิฉันอยากที่จะสร้างสถานปฏิบัติธรรมศาลาแปดเหลี่ยมถวายเป็นพุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา ณ ที่วัดศิมาลัยทรงธรรมของท่าน โดยมีปู่โตเป็นผู้ริเริ่มในการสร้างเพื่อที่สร้างคนให้มีจิตใจเป็นธรรมะเป็นรากแก้วของศาสนา เพื่อให้สังคมของทุกวันนี้ดีขึ้น เพราะทุกวันนี้เด็กรุ่นใหม่ไม่ค่อยมีจิตสำนึกที่ดี มีแต่ความฟุ้งเฟ้อ ติดอยู่ในแสงสี แต่ถ้ามีครูบาอาจรย์ที่มีเมตตาเล็งเห็นถึงความสำคัญในการปลุกจิตสำนึกที่ดีมีศีลธรรมในใจแล้วสังคมของเราก็จะน่าอยู่ขึ้น เพราะที่ วัดศิมาลัยทรงธรรม มีธรรมชาติเป็นใจ มีถ้ำ มีเขา มีศาลาแปดเหลี่ยมเป็นสถานปฏิบัติที่อยู่กลางเขาที่เอาไว้ให้สาธุชน ได้เข้ามาปฏิบัติธรรม เป็นที่สำหรับให้ท่านที่หนีทุกข์ มาพบกับความสุขทางใจ ได้เข้ามาพักใจในยามทุกข์หนักมากๆ ดิฉันมั่นใจว่าท่านใดที่มีทุกข์ เมื่อได้ฟังธรรมะจากปู่โตแล้วจะคลายทุกข์ เพราะท่านเป็นพระสุปฏิปันโนที่แท้จริง

โดยคุณสุณีรัตน์ ชุติพิเชียร


ประสบการณ์นั่งสมาธิ

ผมเป็นลูกศิษย์รุ่นเล็กของหลวงปู่ ขอเล่าเรื่องการนั่งสมาธิของผมดังนี้

ผมได้พบหลวงปู่ครั้งแรกที่ตึกไทยพาณิชย์ ปาร์ค เป็นงานพิธีเกี่ยวกับกฐิน 100 กอง ถวายพระราชินีและพิธีปลุกเสกจตุคามรามเทพ แล้วเมื่อผมได้พบหลวงปู่ หลวงปู่ก็บอกให้นั่งสมาธิอยู่ข้างๆหลวงปู่

เมื่อผมเริ่มนั่งสมาธิได้สักพักไม่นานก็เห็นมีเงาเป็นชายรูปร่างใหญ่ใส่ชฎาอยู่บนศีรษะมานั่งอยู่ข้างหน้า ด้วยความกลัวผมจึงออกจากสมาธิแล้วเล่าให้หลวงปู่ฟัง หลวงปู่จึงบอกว่านั่นแหละคือ เทวดา แล้วหลังจากจบลงในวันนั้น ผมก็ได้กลับมาฝึกปฏิบัติในการนั่งสมาธิต่อ โดยหลวงปู่บอกว่า เมื่อเรานั่งแล้วถ้าเห็นดวงไฟให้เพ่งดู เพราะนั่คือ ดวงแก้วของเรา ผมก็เพ่งดูตามที่หลวงปู่บอก ดวงแก้วที่ผมเห็นในสมาธินั้นเป็นสีฟ้าดวงเล็กๆ เมื่อมองตามไปเรื่อยๆ ดวงแก้วนั้นค่อยๆโตขึ้นๆ จากนั้นผมก็เห็นร่างกายของผมอยู่บนฐานดอกบัว ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าฐานดอกบัวนั้นมาจากไหน และผมก็เห็นดวงแก้วอีก 3 ดวงอยู่ในฐานดอกบัวอีกดอกหนึ่งซึ่งลอยอยู่ใกล้ๆกับฐานดอกบัวที่ร่างผมนั่งอยู่ แต่ผมก็ไม่ทราบว่าเป็นดวงแก้วของใคร แล้วฐานดอกบัวก็พาผมลอยไปที่แห่งหนึ่งซึ่งเป็นห้องๆ มีอยู่ 9 ห้อง ผมเกิดมีความสงสัยว่าห้องเหล่านั้นคือห้องอะไร ผมจึงลงจากฐานดอกบัว แล้วไปเปิดประตูห้องที่ 1 ก็ไม่เจออะไร แล้วผมก็ไปเปิดประตูห้องที่ 2 เห็นมีแต่แสงสว่างสีเหลืองทองแต่ก็ไม่มีอะไรในห้องนอกจากแสง

จากนั้นผมก็ไปเปิดประตูห้องที่ 3 ก็เห็นพระพุทธรูปตั้งอยู่ ผมก็เข้าไปกราบไหว้ แล้วก็ออกจากห้องที่ 3 ไปต่อห้องที่ 4 เห็นเป็นห้องว่างเปล่า แล้วผมก็ไปห้องที่ 5, 6, 7 ก้ไม่มีอะไรจนมาถึงห้องที่ 8 เมื่อผมเปิดประตูเข้าไป ผมรู้สึกร้อนเหมือนอยู่ข้างเตาไฟ ผมจึงถอยออกมาและไปห้องที่ 9 ต่อซึ่งเป็นห้องสุดท้าย เมื่อผมเข้าไปก็รู้สึกเย็นสบายมาก จึงได้เข้าไปนั่งอยู่ในห้องนั้น ก็รู้สึกว่ามีพลัง นั่งอยู่สักพักผมก็ออกมาจาห้อง 9 พบทางเดินอยู่ 2 ทาง คือ ซ้ายและขวา ผมเลือกเดินไปทางซ้ายก็เห็นเมืองๆหนึ่ง ซึ่งเงียบวงบมาก ผมก็ไม่ทราบว่าคืออะไรจึงถามหลวงปู่ๆจึงบอกว่า มันคือ เมืองลับแล แล้วผมก็เดินย้อนกลับมาทางขวา ผมได้เจอกับฐานดอกบัวอีกครั้ง จึงเดินไปขึ้นบนดอกบัว แล้วฐานดอกบัวก็พาผมลอยขึ้นไปข้างบนก็ไปพบประตูสีฟ้าและข้างประตูสีฟ้าก็มีประตูสีแดงอีกประตูหนึ่ง ซึ่งผมก็ไม่เคยเข้าไปจึงไม่รู้ว่าเป็นอะไร และคิดว่าสักวันหนึ่งจะลองเข้าไปดู

ผมรู้สึกว่าการนั่งสมาธิทำให้ผมมีจิตใจแจ่มใส มีความสุขสงบ มีความรัก ความเมตตามากขึ้น ทำให้มีสติรอบคอบและคิดอะไรได้ดีๆมากขึ้น และทั้งหมดนี้เกิดจากประสบการณ์จริงที่ผมได้ปฏิบัตินั่งสมาธิกับหลวงปู่โตนี่แหละครับ

โดยเด็กชายอนันต์ คนกาญจน์


"บุญ" ที่ได้เป็นลูกศิษย์

ข้าพเจ้าชอบอ่านหนังสือเกี่ยวกับจิตวิทยาและปรัชญาการดำเนินชีวิต โดยเฉพาะในช่วงชีวิตมีปัญหา จะไม่เคยคุยหรือเล่าให้ใครฟัง มีเวลาอยู่กับหนังสือตลอด ช่วงเวลาที่มีความทุกข์ใจมาก ก็จะอ่านหนังสือธรรมะของครูบาอาจารย์ หนังสือที่อ่านมากที่สุดเป็นของ หลวงปู่ชา สุภัทโธ และจะรู้สึกเบาลงเหมือนเราแก้ใจเราเองได้บ้าง ซึ่งเป็นทุกข์ทั่วๆไปของปุถุชน แต่ช่วงหนึ่งของชีวิตข้าพเจ้า เกิดปัญหามรสุมหนักกับครอบครัว สามีได้ออกจากงาน ข้าพเจ้าอยู่ในสภาพต้องประคับประคองครอบครัว ทั้งลูกและสามี ซึ่งการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่นี้ปัญหาใหญ่คือ ภาวะทางอารมณ์และจิตใจของทุกคนที่ต้องปรับตัวปรับใจ ข้าพเจ้าต้องเข้มแข็ง ต้องสู้ และเป็นหลักให้ได้ โดยใช้ธณรมะคำสอนชะโลมใจตัวเองด้วยจิตใจที่ต้องสู้ แต่ลึกๆแล้วรู้เลยว่าตัวเองอ่อนล้าเหนื่อยใจ จะมีทางคลี่คลายปัญหาความทุกข์ของตัวเอง สามี และลูกได้เมื่อไรหนอ แต่ปัญหาที่เกิดกลับกลายเป็นปัญหาความขัดแย้งทางด้านอารมณ์และความคิด ความไม่เข้าใจกัน ซึ่งหนักขึ้นทุกวัน หมดทางแก้ไขแน่นอน

จนเมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2549 ข้าพเจ้าได้พบและได้ฝากตัวเป็นลูกศิษย์ของ พระอธิการฉัตรชัย อนาลโย ที่งานพิธีบวงสรวงสมเด็จพระนเรศวรมหาราช และพิธีพุทธาภิเษกที่ทุ่งอโยธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ในวันนั้นมีเหตุให้ข้าพเจ้าได้เดินปลีกตัวคนเดียวจากกลุ่มน้องๆ จนได้พบท่านที่ชายทุ่งและก็ได้ภาวนาตั้งแต่บ่ายจนค่ำ พอท่านจะกลับวัด ข้าพเจ้าจึงรีบเดินไปตามหาน้องแต่ไม่เจอ

สิ่งที่ข้าพเจ้าอัศจรรย์ในตัวเอง คือ อยู่ๆข้าพเจ้าก็ถอดสร้อยคอซึ่งห้อยพระหลวงพ่อ สมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี (ซึ่งคุณพ่อกำชับหนักหนาว่าไม่ต้องให้ใครรู้ใครดูให้ใส่ไว้บูชา) ส่งมอบให้ท่าน และท่านยกขึ้นสวดมนต์ พลันนั้นน้องๆก็เดินมาพอดีและท่านก็ส่งสร้อยคืน

เดือนต่อมาข้าพเจ้าได้มีโอกาสไปกราบท่านที่วัดกับน้องๆที่ทำงาน ได้ไปปฏิบัติธรรมนั่งสมาธิภาวนาในถ้ำตอนบ่าย ซึ่งเป็นครั้งแรกที่พระอาจารย์นั่งนำภาวนาอยู่ที่อาสนะด้านใน พวกเรา 7 คน นั่งรวมกันเบื้องหน้าท่าน ข้าพเจ้านั่งอยู่หลังสุด ข้าพเจ้าภาวนาได้ประมาณ 10 นาที อยู่ๆก็ออกจากสมาธิ และลืมตามองไปที่พระอาจารย์ซึ่งนั่งหลับตาอยู่กลับมองเห็นท่านเป็น หลวงพ่อสมเด็จพระพุฒาจารย์โต ชัดเจนมากๆ เพ่งดูอีกครั้งแล้วก็ภาวนาต่อ ความรู้สึกตอนนั้นยังไม่คิดอะไร และไม่เล่าให้ใครฟัง จนได้เป็นลูกศิษย์รับใช้งานของท่าน นานวันไปเคยกราบเรียนให้ท่านฟัง ท่านจึงชี้แนะให้ฝึกปฏิบัติธรรมให้ยิ่งๆขึ้นไป ตั้งแต่วันนั้นจนกระทั่งวันนี้ 1 ปีกว่า ทำให้ข้าพเจ้าได้มีโอกาสเรียนรู้ ได้รู้ ได้เห็น ได้ศึกษาความเป็น พระอธิการฉัตรชัย อนาลโย แล้วรู้ด้วยตนเองว่า พระผู้ประเสริฐและบริสุทธิ์ยิ่งคือ ครูบาอาจารย์ที่ข้าพเจ้าศรัทธาและเคารพบูชารูปนี้

บรรยากาศถ้ำ ภูเขา ความร่มรื่นของวัด พวกเราได้สนทนาธรรมกับท่านหน้ากองไฟลานวัดในคืนวันนั้นถึงเช้า ทำให้ข้าพเจ้าจิตตื่นมาก เพราะเนื้อหาบทสนทนาคำสอนต่างๆ ที่ข้าพเจ้าซักถามข้อธรรมที่สงสัยจากการอ่านหนังสือธรรมะมาโดยตลอดนั้น ข้าพเจ้าได้ความกระจ่างที่เป็นเหตุ เป็นผลในเชิงลึก ทุกแง่มุม ทุกปัญหา ซึ่งเป็นแรงบันดาลใจให้ข้าพเจ้าอยากที่จะปฏิบัติและได้เรียนรู้จากท่าน จึงกราบเรียนท่านว่า อยากให้ลูกๆ หรือคนในครอบครัวมาวัด และได้สัมผัสพระอาจารย์เหมือนกับตนเองทำอย่างไรดี ท่านให้คำตอบว่า "ยังไม่ต้องไปชวนใคร ทำตัวเองให้ได้ก่อน ฝึกนั่งสมาธิภาวนาบำเพ็ญเพียรไป เมื่อจิตเรามีกำลังยกกำลังจิตตนเองได้ และแผ่เมตตาให้มากๆ ลูกๆ คนในครอบครัว เขาจะตามเราเอง และข้าพเจ้าก้ได้ประสบความสำเร็จจริงๆ เพียงระยะเวลาไม่กี่เดือนลูกหลานและญาติพี่น้องได้มาวัดศิมาลัยทรงธรรมตามความปรารถนาของข้าพเจ้า และได้มีโอกาสฟังธรรมนั่งสมาธิกับพระอาจารย์ด้วยกัน ภาวะจิตอารมณ์ปัญหาความขัดแย้งทางอารมณ์ความคิดของคนในครอบครัวเบาลงๆ มาเรื่อยๆ จนปัจจุบันนี้ ความสงบความเข้าใจซึ่งกันและกัน รอยยิ้ม ความอบอุ่นเกิดขึ้นในครอบครัวของข้าพเจ้าแล้ว ด้วยคำสอนธรรมะการประพฤติปฏิบัติตามพระอาจารย์อย่างเคร่งครัด ข้าพเจ้าตั้งใจมุ่งมั่นบำเพ็ญภาวนานั่งสมาธิ "พุทธะ สังมิ" สวด อติปิโส 108  ถวายเป็นพุทธบูชาทุกวัน ทำให้ตัวข้าพเจ้ามั่นใจในพุทธคุณว่าสามารถทำให้เกิดความสุขที่แท้จริงเกิดในใจของตนเอง และการแผ่เมตตา การรักษาศีลบริสุทธิ์ การทำความดีให้ยิ่งๆขึ้น ตามที่พระอาจารย์คอยอบรมสั่งสอน ทำให้เกิดพลังอันยิ่งใหญ่ครอบครัวข้าพเจ้ามีความสุข และที่ยินดียิ่ง ลูกๆ หลานๆ เริ่มสนใจปฏิบัติธรรมกันบ้าง ทุกคนเคารพบูชาท่านอาจารย์สำนึกในพระคุณของพระอาจารย์และพร้อมใจกันช่วยเหลืองานทุกอย่าง

ในฐานะลูกศิษย์ที่มีโอกาสได้ทำบุญและรับใช้พระอาจารย์อยู่เสมอ ข้าพเจ้าได้มีโอกาสได้สัมผัสรู้เห็นวัตรปฏิบัติของท่านในที่ต่างๆ ในหลายโอกาส ทำให้เกิดกำลังศรัทธาที่มีในตัวท่านยิ่งเพิ่มทวีขึ้น จนข้าพเจ้ามีความรู้สึกกับใจตนเองว่า เป็นบุญ ที่ชีวิตนี้ได้มีโอกาสกราบไหว้ ได้รับใช้และได้พบเห็นพระภิกษุรูปหนึ่งที่ทำให้ข้าพเจ้าได้เรียนรู้ธรรมะคำสอนอันละเอียดลึกซึ้งขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ถ่องแท้ ซึ่งน้อมนำมาปกิบัติแล้วทำให้ชีวิตมีแสงสว่าง และท่านคือแบบอย่างครูผู้สอนสั่งที่แท้จริงสำหรับผู้ไฝ่ธรรมปฏิบัติธรรม ข้าพเจ้าขอกราบสำนึกในพระคุณของพระอาจารย์และปวารณาตัวที่จะเป็นลูกศิษย์รับใช้ท่านตลอดไป

โดยลูกศิษย์

Advertising Zone    Close

Online: 2 Visits: 52,533 Today: 19 PageView/Month: 23

ด้วยความปราถนาดีจาก "สยามทูเว็บดอทคอม" และเพื่อป้องกันการเปิดเว็บไซต์เพื่อหลอกลวงขายของ โปรดตรวจสอบร้านค้าให้แน่ใจก่อนตัดสินใจซื้อของทุกครั้งนะคะ    อ่านเพิ่มเติม ...